แนวโน้มของ AI & Automation ในปี 2024

เป็นเรื่องปกติไปในแล้วในทุกๆปี ใกล้วาระเปลี่ยนปี จะมี blog หรือเอกสารงานวิจัยมาแชร์เรื่องราวน่ารู้อย่าง แนวโน้มสำคัญที่คนไอทีในวงการต้องรู้ วันนี้มาฟังเรื่อง Trend ของ business automation กันครับ

เป็นเอกสารแชร์จากทาง UiPath Global ที่อ้างอิงถึงสำนักวิจัยดังๆหลายๆที่เช่น Gartner (Magic Quadrant 2023-RPA), Forrester Wave – RPA Q12023 หรือ Mckinsey&Company ในบทความต่างๆ มากมายที่แอดมินตามศึกษา จะบอกออกมานัยยะแนวเดียวกันหมดเลยถึงเรื่องผลกระทบการมาของ “GenAI” ชื่อเต็มๆคือ Generative AI พวก Open.AI (ChatGPT), Google (Bard) และอื่นๆที่จะตามมาในอนาคตอย่างมากมาย

เอกสารช่วยสรุปความออกมาเป็น 7 แนวโน้ม ซึ่งแน่นอนเข้าทาง UiPath ที่เป็นผู้นำในตลาด RPA อยู่แล้ว เหมือนอ่านจบเราแค่ได้รับการยืนยันเพิ่มจากสำนักวิจัยอื่นๆ ว่า “ใช่แล้ว” ถูกทางแน่ๆ ประมาณนี้ มาลองดูที่แอดมินสรุปกันครับ

  1. การรับรู้และซึมซับถึงประโยชน์ของ automation & ai สู่ผู้บริหารระดับสูง อย่างไม่เคยเป็นกันมาก่อน เทรนนี้จะส่งผลถึงการให้ความสำคัญกับทรัพยากร การวางแผนเอา GenAI มาใช้พัฒนากระบวนการทำงาน งบประมาณที่ลงไปกับเรื่องราวเหล่านี้จะถูกตอบแทนด้วยผลลัพธ์ที่หวังเอาไว้เช่นเพิ่มประสิทธิภาพงาน (85%) เพิ่มช่องทางการทำรายได้ใหม่ (52%) ยกระดับงานเดิม (58%) เป็นต้น
  2. แนวโน้มนี้พูดถึง การเลือก use case ที่ดี จะทำให้ “มีชัย” ไปกว่าครึ่ง … ในกรณีนี้คือเหล่า CIO, CEO คงต้องประเมินว่าเมื่อเราให้ความสำคัญและอยากเริ่มต้น และสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ควรเลือก automation + GenAI ที่มีแนวโน้มทำได้เลย และมี ROI สูงๆ โดยในที่นี้มีตัวอย่างที่ #automat เราทำสำเร็จมาแล้วอย่าง IDP (Intelligent Document Processing) โครงการนี้มีส่วนประกอบหลักสามเรื่องคือ RPA + OCR และ AI โดยเราช่วยลูกค้าประหยัดเวลาในการทำงานกับเอกสารด้านการประกันภัยที่มีหลากหลายรูปแบบ ทำให้ลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำ นอกจากนี้ยังมี use case อย่างการประยุกต์ใช้ Communication Mining กับกระบวนการอ่านเอกสาร email, text และสัญญาต่างๆ (ใช้ GenAI มาช่วยแยกเยอะ ตีความ และตอบกลับ) เป็นต้น
  3. แนวโน้มที่มาแรงมากๆ อีกและถูกผู้บริหาร ผู้นำในองค์กรโหวตถึง 86% คือการใช้ ai มาช่วยยกระดับการสแกนกระบวนการปัจจุบัน และหา “ช่องโหว่” เพื่อปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งในทุกวันนี้มีการใช้งาน process mining tools และ communication mining มาเพื่อจับสัญญาณต่างๆ เปรียบเหมือนเราไปสแกน MRI เพื่อให้ได้ผลวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น มาใช้ในการพัฒนา ปรับกระบวนการ
  4. จากผลลัพธ์จากแบบสอบถาม 65% มองเรื่องการความจำเป็นในการที่องค์กรจะเริ่มมองหา และใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง LLM (Large Language Model) และ Generative AI เสียที หลายๆ องค์กรจะริเริ่ม pilot ในปีนี้เสียด้วยซ้ำ แนวโน้มการใช้ “Co-Pilot” หรือผู้ช่วยการทำงานของพนักงานในทุกระดับ ไม่ว่า business user ที่ไม่มีทักษะไอทีใด ๆ หรือ นักพัฒนาโปรแกรม นักวิเคราห์ปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งจากนี้ไปจะมีเครื่องมือจาก UiPath Autopilot มาเป็นเพื่อน ไมว่าคุณอยากจะเทรนโมเดล สอนการ copy-paste ข้อมูลข้ามจากเอกสาร (กระดาษ) ไปลงปลายทางที่หน้าจอระบบ ERP (GUI) ก็ทำได้อย่างง่ายๆ และทำด้วยด้วยภาษามนุษย์เราสื่อสารกับ GenAI เป็นต้น ไว้อันนี้แอดมินจะมาเล่าละเอียดอีกครั้ง
  5. ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดแนวโน้มอันนี้ที่ว่าในตัวกระบวนการสร้าง robot เองก็จะ “เก่ง” ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การสร้างโปรแกรมด้วยการสั่งงาน (ไม่ต้องเริ่มด้วยการโค้ด) การรู้ตนด้วยการรู้สถานะตนเองของโรบอทว่าทำงานได้ปกติดี หรือต้องการปรับปรุงส่วนใด ๆ ระบบจะนำแนะออกมาให้นักพัฒนา และสุดท้ายคือการเทรนโมเดลที่ทำได้ด้วยความรวดเร็วกว่ายุคก่อนด้วยเทคนิคใหม่ๆอย่าง GenAI เป็นต้น ซึ่งอันนี้จะเป็นแค่การเริ่มต้นในปีหน้า แต่จะต่อยอดอย่างเข้มแข็งเป็นเทรนหลักในปีต่อๆไป
  6. จริยธรรม ธรรมมาภิบาล รวมไปถึงกฎเกณฑ์การใช้เอไอได้ หรือไม่ได้จะถูกกำหนดขึ้นมาจากองค์กร แรงกระเพื้อมอันนี้จำเป็นอย่างยิ่งในยุคเอไอถูกใช้จากคนในทุกระดับ เพราะเราต้องมี platform ที่แข็งแรง มีการเก็บข้อมูลการใช้งาน เอามาวิเคราะห์และตั้งกฎตั้งค่าการใช้ให้ปลอดภัย และไม่ไปละเมิดกฎเกณฑ์ใดๆ ที่มนุษย์เราตั้งขึ้นมาด้วย การทำงานร่วมระหว่างมนษย์และหุ่นยนต์ในลักษณะ “ผู้ตรวจงานโรบอท” จะเป็นแนวโน้มหลักจากนี้ไป ทำให้เทรนอันนี้จำเป็นต้องมีผู้รู้ที่เคยทำมาก่อน มี best practice ที่ดีมาช่วยแนะนำด้วย
  7. แนวโน้มการต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงด้วยการ force จากปัญญาประดิษฐ์ ความสามารถของมันในการทำงานแทนมนุษย์เรา ด้วยทักษะของ LLM ที่ปัจจุบันก็แทบจะทำได้ 70-80%ในงานนั้นๆอยู่ จะเกิดอะไรในปี 2030 เมื่อ กระบวนการทั้งหมดจะถูกปรับเป็นระบบอัตโนมัติด้วยโรบอต เกิดการทำงานร่วมกันของมนุษย์และหุ่นยนต์  แนวคิดของการ “นิยาม” การทำงานใหม่ๆ จึงเกิดขึ้นเช่น การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบใหม่ๆ การนำเข้าประสบการณ์ใหม่ใหม่ควบรวมกับประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ การออกกฎเกณฑ์มาควบคุมและดูแลในระดับสังคมโดยรวม และสุดท้ายคือการพัฒนาทักษะใหม่ใหม่อาทิเช่น prompt engineers ที่อาจจะมาแทนที่ทักษะการเขียน code เป็นต้น ในปีหน้าน่าจะมีอะไรใหมๆ มาเพิ่มเข้าไปอีก หวังว่าทุกคนจะเรียนรู้ และสนุกไปกับมันกันครับ

ในปีหน้าน่าจะมีอะไรใหมๆ มาเพิ่มเข้าไปอีก หวังว่าทุกคนจะเรียนรู้ และสนุกไปกับมันกันครับ

Source:

https://www.uipath.com/resources/automation-whitepapers/automation-trends-report