Agentic AI คืออะไร? พลิกโฉมธุรกิจสู่ยุคใหม่ด้วย AI อัจฉริยะ

หุ่นยนต์ 3D มนุษย์กลายพันธุ์ดวงตาสีน้ำเงิน สื่อถึง Agentic AI ยืนอยู่ท่ามกลางฉากเมืองอนาคต

Agentic AI คืออะไร?

ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันกับเวลา ข้อมูล และความคาดหวังของลูกค้าที่สูงขึ้น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง เราเริ่มจาก Machine Learning ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ ต่อด้วย Generative AI ที่สามารถสร้างข้อความ ภาพ หรือโค้ดตามคำสั่งของมนุษย์ได้

แต่ทั้งหมดนี้ยังคงมีข้อจำกัด เพราะ AI ส่วนใหญ่ยังอยู่ในโหมด “ตอบสนอง” มากกว่าที่จะเป็น “ผู้ช่วยที่ลงมือทำแทนเรา” และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Agentic AI — แนวคิดใหม่ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของ AI เดิม ให้สามารถคิด วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำงานได้ด้วยตัวเอง

Agentic AI แตกต่างจาก AI แบบเดิมอย่างไร?

หุ่นยนต์ 3D ดวงตาสีน้ำเงินยืนข้างข้อความ: Agentic AI แตกต่างจาก AI แบบเดิมอย่างไร?

เพื่อให้เข้าใจภาพชัดเจน เรามาลองเปรียบเทียบ:

AI แบบเดิม (Machine Learning / Generative AI)
  • เน้นการสร้างหรือการวิเคราะห์
  • ต้องการให้มนุษย์เป็นผู้กำหนด Input และตัดสินใจขั้นตอนสุดท้าย
  • ตัวอย่าง: ChatGPT แนะนำวิธีเขียนอีเมล แต่ผู้ใช้ยังต้องกดส่งเอง

Agentic AI
  • ไม่เพียงแค่สร้างข้อมูล แต่สามารถตัดสินใจและลงมือทำเองได้
  • ทำงานในฐานะ Autonomous Agent ที่เรียนรู้จากสภาพแวดล้อมและบริบท
  • ตัวอย่าง: เมื่อมีเคลมประกันเข้ามา Agentic AI จะตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์ → ตัดสินใจอนุมัติหรือไม่อนุมัติ → บันทึกลงระบบ → ส่งอีเมลแจ้งลูกค้า

องค์ประกอบหลักที่ทำให้ Agentic AI โดดเด่น:
1. Autonomy (การทำงานแบบอิสระ)
2. Decision-making (การตัดสินใจ)
3. Action-taking (การลงมือทำ)
4. Continuous Learning (การเรียนรู้ต่อเนื่อง)


หากเปรียบเทียบเชิงโครงสร้าง Generative AI คือ “สมอง” ส่วน Agentic AI คือ “สมอง + มือ + การตัดสินใจ” ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจแทนคนได้จริง

ประโยชน์ของ Agentic AI ต่อธุรกิจ

การนำ Agentic AI มาใช้ ไม่ได้เป็นแค่การลดต้นทุน แต่ยังสร้างคุณค่าระยะยาว (Strategic Value) ให้ธุรกิจ

 เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Operational Efficiency)
– ทำงานได้ตลอด 24/7 โดยไม่เหนื่อยล้า
– Workflow ที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมง → ลดเหลือไม่กี่นาที

 ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error)
– งานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การเงินและประกัน สามารถลดความเสี่ยงได้

ปลดล็อกศักยภาพของพนักงาน
– พนักงานสามารถโฟกัสไปที่งานเชิงกลยุทธ์และสร้างสรรค์

ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience)
– การตอบสนองเร็วขึ้น ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้น

ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ
– ใช้ข้อมูลเรียลไทม์ช่วยตัดสินใจเร็วขึ้น
– เปิดโอกาสสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ (New Business Model)

Use Cases ของ Agentic AI ในโลกธุรกิจ

ด้านการเงิน (Finance)

– Document Processing: อ่านและตรวจสอบใบแจ้งหนี้ เทียบกับ PO และบันทึกลง ERP อัตโนมัติ
– Fraud Detection: ตรวจสอบธุรกรรมการเงินแบบเรียลไทม์ พร้อมแจ้งเตือนความผิดปกติ

ด้านประกัน (Insurance)

– Claims Automation: ตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์ และอนุมัติการจ่ายเคลมเบื้องต้นทันที
– Customer Support: ให้ข้อมูลกรมธรรม์และความคุ้มครองแก่ลูกค้าโดยอัตโนมัติ

ด้านบริการลูกค้า (Customer Service)

– Smart Customer Support: รับเรื่อง → ตรวจสอบ CRM → แก้ปัญหา/เปลี่ยนแพ็กเกจได้ทันที
– Proactive Service: ตรวจจับความผิดปกติ เช่น อินเทอร์เน็ตช้า และแก้ไขก่อนลูกค้าร้องเรียน

ด้าน HR / IT

– IT Helpdesk: รีเซ็ตรหัสผ่านและจัดการสิทธิ์เข้าถึงระบบอัตโนมัติ
– HR Automation: จัดการคำขอวันลา, ออกเอกสารรับรองการทำงาน

ด้าน Healthcare

– Medical Documentation: สรุปเวชระเบียนอัตโนมัติจากการสนทนาระหว่างแพทย์และผู้ป่วย
– Patient Monitoring: โทรติดตามอาการผู้ป่วยหลังการรักษา และโอนเคสให้พยาบาลหากพบความผิดปกติ

ด้าน Retail & E-commerce

– Inventory Management: ตรวจสอบสต็อกสินค้าและสั่งซื้ออัตโนมัติ
– Personalized Marketing: เสนอโปรโมชั่นตรงตามพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า

Agentic AI กับ UiPath Platform

โลโก้ UiPath พื้นหลังสีส้มพร้อมลายจุด

UiPath ในฐานะผู้นำด้าน RPA และ Automation ได้พัฒนาเครื่องมือที่ผสาน Generative AI เข้ากับ Agentic Features เพื่อรองรับองค์กรระดับ Enterprise

UiPath ผู้นำตลาด RPA ระดับโลก ตามรายงานของ Gartner Magic Quadrant !

ฟีเจอร์หลักของ UiPath Agentic AI:
– Self-healing Robot: หุ่นยนต์ที่แก้ปัญหาด้วยตัวเองหาก Workflow ล้มเหลว
– Autopilot: การสั่งงานด้วยภาษามนุษย์ (Natural Language)
– Context Grounding: การทำให้ AI เข้าใจข้อมูลเชิงธุรกิจจริง

Automat Consulting ในฐานะ UiPath Partner ในไทย พร้อมช่วยองค์กรนำ Agentic AI ไปใช้งานจริง พูดคุยกับเรา

ทำไมธุรกิจควรเริ่มศึกษา Agentic AI วันนี้

  1. แนวโน้มระดับโลก (Global Trend)
    – Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 กว่า 70% ขององค์กรจะใช้ AI แบบ Autonomous Agent
    – Deloitte และ Forrester ยืนยันว่า Agentic AI คือ Next Era of Automation

    2. ความได้เปรียบในการแข่งขัน
    – คู่แข่งเริ่มนำ Agentic AI มาใช้แล้ว หากไม่ปรับตัว อาจเสียเปรียบด้านต้นทุนและ CX
    – ผู้ที่เริ่มก่อนจะได้ First-mover Advantage

    3. เริ่มต้นได้จาก Use Case เล็ก ๆ
    – ไม่จำเป็นต้องลงทุนครั้งใหญ่
    – สามารถทดลองจากงานเล็ก เช่น Document Processing, Customer Service

    4. เตรียมพร้อมสำหรับ Future of Work
    – งานเชิงกลยุทธ์จะเป็นของมนุษย์ ส่วนงาน Routine จะเป็นของ Agentic AI
    – การเริ่มวันนี้คือการสร้าง Workforce Hybrid: Human + AI

ความท้าทายในการนำ Agentic AI มาใช้

  1. Data Privacy & Security – การให้ AI เข้าถึงข้อมูลสำคัญต้องมีมาตรการความปลอดภัยเข้มงวด
    2. Governance & Compliance – ต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบ เช่น GDPR, PDPA
    3. Skill Gap – บุคลากรอาจยังไม่พร้อมในการทำงานร่วมกับ AI
    4. Change Management – พนักงานบางส่วนอาจกังวลเรื่องการถูกแทนที่ ต้องมีการสื่อสารและฝึกอบรม

Best Practices: วิธีเริ่มต้น Agentic AI ในองค์กร

ภาพประกอบหุ่นยนต์ 3D ชี้ขึ้น พร้อมข้อความแสดงแนวทางการเริ่มต้นใช้ Agentic AI
  1. เลือก Use Case ที่เหมาะสม – เริ่มจากงานที่ซ้ำซ้อนและมีขั้นตอนชัดเจน
    2. ผสานเข้ากับ Workflow เดิม – ใช้ Agentic AI ร่วมกับระบบ ERP หรือ CRM
    3. ตั้ง Governance Framework – วางนโยบายด้าน Data Privacy, Compliance
    4. Upskill พนักงาน – อบรมเพื่อทำงานร่วมกับ Agentic AI ได้อย่างราบรื่น
    5. เริ่มจาก Pilot Project ก่อนขยายผล – เพื่อลดความเสี่ยงและทดสอบความคุ้มค่า

สรุป

Agentic AI คือการต่อยอดจาก Automation + Generative AI → ไปสู่ AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้จริง
ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ประกัน บริการลูกค้า HR หรือ Healthcare ธุรกิจที่เริ่มใช้ก่อนจะได้เปรียบทั้งในด้านต้นทุน ประสบการณ์ลูกค้า และการเตรียมพร้อมอนาคต

👉 Automat Consulting มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Agentic AI และ UiPath ที่พร้อมช่วยองค์กรของคุณก้าวสู่อนาคตของ Automation ติดต่อเราได้ที่หน้า Contact

Menu